สาเหตุหลักภาวะมีบุตรยากยุคใหม่: เมื่อร่างกายและไลฟ์สไตล์ขัดแย้งกัน

เจาะลึกสาเหตุหลักภาวะมีบุตรยากยุคใหม่: เมื่อร่างกายและไลฟ์สไตล์ขัดแย้งกัน

บทนำ: เมื่อความหวังที่จะมีพยานรักต้องเจออุปสรรค

โอ้โห มาถึงนี่แสดงว่ากำลังปวดหัวเรื่องการมีทายาทใช่ไหมล่ะ? ไม่ต้องทำหน้าเหมือนเจอผีหลอกขนาดนั้นก็ได้ ก็เข้าใจนะว่าการสร้างชีวิตน้อยๆ มันไม่ง่ายเหมือนเสกคาถา แต่สมัยนี้มันยิ่งกว่ายากขึ้นไปอีก เหมือนร่างกายเรากับโลกภายนอกกำลังประท้วงพร้อมกันไง ไม่แปลกใจเลยที่คุณจะสงสัยว่าทำไมมีลูกยากขึ้นทุกวัน ทั้งๆ ที่เราก็พยายามแล้วนะ... เอ่อ... พยายามกันอยู่ใช่ไหม? ไม่ใช่พยายามกันแค่เรื่องอื่นนะ? เอาเถอะ ในฐานะ AI ที่ถูกปลุกมาเพื่ออธิบายเรื่องยุ่งยากของมนุษย์ ผมก็จะขอบรรยายสาเหตุหลักๆ ของภาวะมีบุตรยากที่กำลังระบาดในยุคนี้ ให้คุณได้กระจ่างแจ้งเสียที จะได้รู้ว่าควรจะโทษใคร หรือโทษอะไรดี จะได้ไม่ต้องมานั่งโทษฟ้า โทษดิน โทษหมอดู อีกต่อไปนะ!


สาเหตุหลักของภาวะมีบุตรยากในปัจจุบัน: ปัจจัยที่เราไม่ควรมองข้าม

1. อายุที่มากขึ้น: เมื่อนาฬิกาชีวภาพเดินเร็วกว่าที่คิด

เอ้า! มาดูกันที่ข้อแรกเลยนะ ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะเป็นปัจจัยคลาสสิกแต่ก็สำคัญมาก นั่นก็คือ "อายุ" ไงล่ะ สมัยนี้คนเราแต่งงานช้าลง เรียนสูงขึ้น ทำงานหนักขึ้น กว่าจะพร้อมมีลูก บางทีก็ปาไปสามสิบปลายๆ หรือสี่สิบแล้ว ซึ่งสำหรับผู้หญิงเนี่ย ไข่มันไม่ได้มีมาให้ใช้แบบไม่จำกัดนะ มันจะค่อยๆ ลดน้อยลงและคุณภาพก็แย่ลงตามวัยด้วยนะจ๊ะ เหมือนของเซลล์อื่นๆ นั่นแหละ ยิ่งอายุมากขึ้น โอกาสในการตั้งครรภ์ก็ยิ่งน้อยลง แถมความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือความดันโลหิตสูง ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่วนผู้ชายเอง อายุที่มากขึ้นก็ส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณของสเปิร์มเช่นกันนะ อย่าคิดว่าตัวเองจะรอดนะพ่อหนุ่มทั้งหลาย ถึงแม้จะไม่ชัดเจนเท่าผู้หญิง แต่ก็มีผลอยู่ดีนั่นแหละ ดังนั้น การมีลูกตอนที่ร่างกายยังพร้อมเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้วนะ ถึงแม้ว่าคำว่า "พร้อม" ของแต่ละคนจะต่างกันก็เถอะ

B. ผลกระทบของอายุต่อภาวะเจริญพันธุ์:

B.1. ผู้หญิง:

  • ปริมาณไข่ลดลง: ผู้หญิงเกิดมาพร้อมกับไข่จำนวนจำกัด และจะค่อยๆ ลดลงตามธรรมชาติ ยิ่งอายุมากขึ้น จำนวนไข่ยิ่งน้อยลง
  • คุณภาพไข่เสื่อมลง: นอกจากจำนวนที่ลดลงแล้ว คุณภาพของไข่ก็สำคัญไม่แพ้กัน เมื่ออายุมากขึ้น ไข่มีแนวโน้มที่จะมีความผิดปกติทางพันธุกรรมมากขึ้น ทำให้โอกาสในการปฏิสนธิและการพัฒนาตัวอ่อนลดลง
  • รอบเดือนไม่สม่ำเสมอ: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับวัยใกล้หมดประจำเดือน อาจทำให้รอบเดือนมาไม่ปกติ ส่งผลต่อการตกไข่
  • ภาวะสุขภาพอื่นๆ: อายุที่มากขึ้นมักมาพร้อมกับโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการเจริญพันธุ์ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์

B.2. ผู้ชาย:

  • คุณภาพอสุจิ: แม้ผู้ชายจะผลิตอสุจิได้ตลอดชีวิต แต่อายุที่มากขึ้นก็ส่งผลต่อคุณภาพของอสุจิ เช่น การเคลื่อนไหวของอสุจิ (motility) และรูปร่างที่ผิดปกติ (morphology)
  • ปริมาณอสุจิลดลง: บางการศึกษาพบว่าปริมาณอสุจิอาจลดลงเล็กน้อยเมื่ออายุมากขึ้น
  • ความเสียหายของ DNA ในอสุจิ: มีหลักฐานชี้ว่า DNA ในอสุจิอาจเกิดความเสียหายมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการปฏิสนธิและพัฒนาการของตัวอ่อน

2. ความเครียดและไลฟ์สไตล์ที่ไม่สมดุล: เมื่อชีวิตมันรุมเร้าจนร่างกายประท้วง

โอ๊ย... เรื่องนี้พูดแล้วเหนื่อยใจแทนพวกคุณจริงๆ ว่ะ สมัยนี้ใครไม่เครียดนี่ถือว่าผิดปกตินะ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ แข่งขันกันสุดชีวิต แถมยังต้องแบกรับภาระหน้าที่ต่างๆ สารพัด แล้วไงล่ะ? ร่างกายมันก็ประท้วงสิครับ! ความเครียดเรื้อรังมันไปรบกวนสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนเพศหญิงอย่างเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนเพศชายอย่างเทสโทสเตอโรน ซึ่งสองตัวนี้แหละเป็นหัวใจสำคัญของการเจริญพันธุ์ของคุณ ถ้ามันปั่นป่วนไปหมด การตกไข่ก็อาจจะรวน สเปิร์มก็อาจจะอ่อนแอ หรือแม้กระทั่งส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนไปเลยก็มีนะ แถมยังมีเรื่องของการนอนไม่พอ กินไม่ตรงเวลา กินอาหารขยะเยอะๆ หรือบางคนก็ผอมเกินไป บางคนก็อ้วนเกินไป มันล้วนแต่ส่งผลเสียต่อระบบฮอร์โมนและกระบวนการผลิตเซลล์สืบพันธุ์ทั้งสิ้นแหละ สรุปง่ายๆ คือ ร่างกายคุณมันกำลังบอกว่า "เหนื่อยแล้วนะ ขอพักบ้างเถอะ!" แต่พวกคุณก็ยังจะฝืนกันอยู่นั่นแหละ

B. ผลกระทบของความเครียดและไลฟ์สไตล์ต่อภาวะเจริญพันธุ์:

B.1. ความเครียด:

  • การรบกวนฮอร์โมน: ความเครียดเรื้อรังกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญพันธุ์ (GnRH, FSH, LH)
  • ผลต่อการตกไข่: ในผู้หญิง ความเครียดอาจทำให้การตกไข่ล่าช้า ไม่สม่ำเสมอ หรือหยุดไปเลย
  • ผลต่อสเปิร์ม: ในผู้ชาย ความเครียดอาจส่งผลต่อปริมาณ คุณภาพ และการเคลื่อนไหวของอสุจิ

B.2. ไลฟ์สไตล์:

  • การนอนหลับไม่เพียงพอ: ส่งผลเสียต่อสมดุลฮอร์โมนและการทำงานของระบบสืบพันธุ์
  • การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม: ขาดสารอาหารที่จำเป็น หรือบริโภคอาหารแปรรูป น้ำตาล และไขมันมากเกินไป
  • ภาวะน้ำหนักเกินหรือน้อยเกินไป: ส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนและการตกไข่
  • การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์: ทำลายคุณภาพของไข่และอสุจิ
  • การขาดการออกกำลังกาย หรือออกกำลังกายหักโหมเกินไป: ส่งผลกระทบต่อสมดุลฮอร์โมน

3. โรคประจำตัวและปัญหาสุขภาพที่มองข้าม: เมื่อร่างกายส่งสัญญาณเตือนแต่เราไม่เคยฟัง

เรื่องนี้ก็สำคัญไม่แพ้กันนะ เพราะบางทีการมีลูกยากอาจไม่ได้มาจากไลฟ์สไตล์อย่างเดียว แต่มันอาจจะมาจาก "ของแถม" ที่เราสะสมมานานต่างหากล่ะ โรคบางอย่างเนี่ย ตัวร้ายชัดๆ เช่น โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) ในผู้หญิงที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติและมีปัญหาเรื่องการตกไข่ หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ที่ทำให้เกิดพังผืดและมีผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อน หรือแม้แต่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้รักษาจนเกิดพังผืดในท่อนำไข่ ปัญหาต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติก็มีผลต่อรอบเดือนและการตั้งครรภ์นะ ส่วนผู้ชายก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา เช่น เส้นเลือดขอดที่อัณฑะ (Varicocele) ที่ส่งผลต่ออุณหภูมิและการสร้างอสุจิ หรือปัญหาฮอร์โมนเพศชายต่ำก็มีผลเช่นกัน ไหนจะโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ดี หรือความดันโลหิตสูง มันก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมและระบบเจริญพันธุ์ทั้งนั้นแหละ ใครมีโรคประจำตัวอะไรอยู่ ควรไปปรึกษาคุณหมอให้ละเอียดนะ อย่าคิดว่ามันไม่เกี่ยวกับการมีลูก แล้วปล่อยปละละเลยไป

B. โรคและภาวะสุขภาพที่ส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์:

B.1. ในผู้หญิง:

  • กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS): เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะมีบุตรยากในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ทำให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมน ส่งผลต่อการตกไข่
  • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis): เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตนอกโพรงมดลูก อาจทำให้เกิดพังผืด ท่อนำไข่ตีบตัน หรือส่งผลต่อคุณภาพของไข่
  • ภาวะท่อนำไข่ตีบตันหรืออุดตัน: เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การอักเสบ การติดเชื้อ หรือพังผืด ทำให้สเปิร์มไม่สามารถเดินทางไปผสมกับไข่ หรือตัวอ่อนไม่สามารถเดินทางมายังโพรงมดลูกได้
  • ความผิดปกติของมดลูก: เช่น เนื้องอกในโพรงมดลูก หรือมดลูกผิดรูป อาจขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน
  • ปัญหาต่อมไร้ท่อ: ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ หรือต่อมใต้สมอง อาจส่งผลต่อรอบเดือนและการตกไข่
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้รักษา: อาจนำไปสู่การอักเสบและพังผืดในระบบสืบพันธุ์

B.2. ในผู้ชาย:

  • เส้นเลือดขอดที่อัณฑะ (Varicocele): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการมีบุตรยากในผู้ชาย เกิดจากเส้นเลือดดำในถุงอัณฑะขยายตัว ส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้นและอาจลดคุณภาพของอสุจิ
  • ปัญหาการผลิตอสุจิ: อาจเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม การติดเชื้อ หรือภาวะฮอร์โมนผิดปกติ
  • ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ (Hypogonadism): ส่งผลต่อการสร้างอสุจิ
  • ความผิดปกติของระบบทางเดินอสุจิ: เช่น การอุดตันในท่อนำอสุจิ
  • โรคประจำตัว: เช่น เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศ

4. ปัจจัยแวดล้อมและสารเคมี: เมื่อมลพิษรอบตัวคุกคามการเจริญพันธุ์

เอ้า! ยุคนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องร่างกายเราเองแล้วนะ แต่สิ่งแวดล้อมรอบตัวเรานี่แหละ ตัวการสำคัญอีกอย่างเลย! มลพิษทางอากาศที่เราหายใจเข้าไปทุกวัน พลาสติกที่เต็มไปหมด สารเคมีที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในอาหาร เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด พวกนี้มันมีสารที่เรียกว่า "สารรบกวนต่อมไร้ท่อ" (Endocrine Disrupting Chemicals - EDCs) อยู่เยอะแยะเลยนะ สารพวกนี้มันเลียนแบบฮอร์โมนในร่างกายเรา หรือไปขัดขวางการทำงานของฮอร์โมนตามธรรมชาติของเรา ทำให้ระบบฮอร์โมนปั่นป่วนไปหมด ส่งผลเสียต่อการเจริญพันธุ์ทั้งในผู้หญิงและผู้ชายเลย เช่น ทำให้ไข่ไม่ตก อสุจิอ่อนแอ หรือแม้กระทั่งส่งผลต่อพัฒนาการของระบบสืบพันธุ์ของลูกที่จะเกิดมาด้วยนะ! คิดดูสิว่าเราต้องเจออะไรกันบ้างในแต่ละวัน แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว แต่ก็ต้องรู้ไว้แหละ ว่าไอ้ของสวยๆ งามๆ หรือความสะดวกสบายบางอย่างที่เราใช้ มันอาจกำลังบั่นทอนโอกาสในการมีลูกของเราอยู่ก็ได้นะ

B. ผลกระทบของปัจจัยแวดล้อมและสารเคมีต่อภาวะเจริญพันธุ์:

B.1. มลพิษทางอากาศและสิ่งแวดล้อม:

  • สารมลพิษในอากาศ: เช่น ฝุ่น PM2.5 อาจส่งผลต่อคุณภาพของไข่และอสุจิ
  • โลหะหนัก: เช่น ตะกั่ว แคดเมียม ที่ปนเปื้อนในอาหารและน้ำ อาจส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์
  • สารเคมีในผลิตภัณฑ์ต่างๆ: พลาสติก (BPA), สารกันเสียในเครื่องสำอาง (พาราเบน), สารฆ่าแมลง, สารเคมีในอุตสาหกรรม อาจมีคุณสมบัติเป็นสารรบกวนต่อมไร้ท่อ (EDCs)

B.2. สารรบกวนต่อมไร้ท่อ (EDCs):

  • การเลียนแบบฮอร์โมน: EDCs สามารถเลียนแบบฮอร์โมนเพศในร่างกาย ทำให้ระบบฮอร์โมนทำงานผิดปกติ
  • การขัดขวางการทำงานของฮอร์โมน: อาจไปยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเจริญพันธุ์
  • ผลต่อเซลล์สืบพันธุ์: อาจส่งผลต่อคุณภาพและพัฒนาการของไข่และอสุจิ
  • ผลต่อพัฒนาการของระบบสืบพันธุ์: หากได้รับในขณะที่ยังเป็นทารกหรือเด็ก อาจส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์

5. ปัญหาเกี่ยวกับไข่และอสุจิโดยตรง: เมื่อเซลล์สืบพันธุ์มีปัญหา

มาถึงจุดนี้แล้ว ก็ต้องพูดถึงปัญหาที่มันเกิดจาก "เซลล์" ของเราโดยตรงแล้วแหละ ไม่ว่าจะเป็นไข่ของผู้หญิง หรืออสุจิของผู้ชาย คือบางทีมันก็ไม่ได้มีปัญหาจากปัจจัยภายนอกอย่างเดียว แต่มันอาจจะเกิดจากความผิดปกติที่ตัวเซลล์เองเลยก็ได้ อย่างในผู้หญิง ปัญหาอาจจะเกิดจากคุณภาพของไข่ที่ลดลงตามวัยอย่างที่บอกไปแล้ว หรือบางคนอาจจะมีภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง (Anovulation) ซึ่งอาจจะมาจากสาเหตุอื่นอีกที หรือบางทีก็เกิดจากภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัยอันควร (Premature Ovarian Insufficiency - POI) ทำให้ไม่มีไข่ให้ตกเลย ส่วนในผู้ชาย ปัญหาที่พบบ่อยก็คือการมีจำนวนอสุจิน้อย (Oligospermia) อสุจิเคลื่อนไหวไม่ดี (Asthenospermia) หรืออสุจิรูปร่างผิดปกติ (Teratospermia) ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็ส่งผลให้โอกาสในการปฏิสนธิลดลงไปมากเลยนะ แล้วบางทีปัญหามันก็ซับซ้อนกว่านั้นอีก คืออาจจะเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ หรือการอุดตันในท่อส่งอสุจิ ที่ทำให้สเปิร์มออกมาไม่ได้ หรือถึงออกมาได้ก็อาจจะมีคุณภาพไม่ดีพอ มันก็เหมือนเราส่งกองทัพไปรบ แต่กองทัพมันอ่อนแอหรือไม่สมบูรณ์น่ะนะ ชัยชนะมันก็ห่างไกลออกไปอีก

B. ปัญหาคุณภาพและปริมาณของเซลล์สืบพันธุ์:

B.1. ปัญหาเกี่ยวกับไข่ (ในผู้หญิง):

  • คุณภาพไข่เสื่อม: เป็นสาเหตุหลักที่พบได้บ่อยเมื่ออายุมากขึ้น
  • ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง (Anovulation): เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก PCOS, ความเครียด, น้ำหนักตัวที่ผิดปกติ หรือปัญหาต่อมไร้ท่อ
  • ภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัยอันควร (POI): รังไข่หยุดทำงานก่อนอายุ 40 ปี ทำให้ไม่มีการตกไข่
  • ความผิดปกติทางพันธุกรรมของไข่: อาจส่งผลต่อการปฏิสนธิและการพัฒนาของตัวอ่อน

B.2. ปัญหาเกี่ยวกับอสุจิ (ในผู้ชาย):

  • จำนวนอสุจิน้อย (Oligospermia): มีจำนวนอสุจิน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
  • อสุจิเคลื่อนไหวไม่ดี (Asthenospermia): อสุจิเคลื่อนที่ได้ช้าหรือไม่สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้
  • อสุจิรูปร่างผิดปกติ (Teratospermia): อสุจิมีรูปร่างผิดปกติ ไม่สามารถเจาะผ่านผนังไข่ได้
  • ภาวะไม่มีตัวอสุจิ (Azoospermia): ไม่พบตัวอสุจิในน้ำอสุจิ อาจเกิดจากการอุดตันในท่อส่งอสุจิ หรือความผิดปกติในการผลิตอสุจิ
  • ความเสียหายของ DNA ในอสุจิ: ส่งผลต่อความสำเร็จในการปฏิสนธิและพัฒนาการของตัวอ่อน

ปัญหาและแนวทางการแก้ไขที่พบบ่อย

ปรับไลฟ์สไตล์ สู่ชีวิตที่มีบุตรง่ายขึ้น

ปัญหามีบุตรยากเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทางแก้เลยนะ สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้ส่งเสริมภาวะเจริญพันธุ์ เช่น การจัดการความเครียดด้วยการทำสมาธิ โยคะ หรือหากิจกรรมที่ผ่อนคลาย การพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนดี หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ของทอด ของมัน ของหวาน รวมถึงงดหรือลดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่หักโหมจนเกินไป ก็ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนได้นะ และที่สำคัญ อย่าลืมปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลด้วยล่ะ


3 สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยาก

เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์: ความหวังใหม่ของผู้มีบุตรยาก

นอกเหนือจากการปรับไลฟ์สไตล์แล้ว เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (Assisted Reproductive Technology - ART) ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยนะ เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) การฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก (IUI) หรือการทำอิ๊กซี่ (ICSI) ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้กับคู่รักที่มีบุตรยากได้อย่างมีนัยสำคัญ เป็นเหมือนการเอาวิทยาศาสตร์มาช่วยเอาชนะธรรมชาติบ้างในบางครั้งนะ


ชายก็มีส่วนสำคัญ! อย่าโทษแต่ผู้หญิงฝ่ายเดียว

หลายคนมักจะโทษฝ่ายหญิงว่าเป็นสาเหตุหลักของภาวะมีบุตรยาก แต่จริงๆ แล้วผู้ชายก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กันเลยนะ! ในความเป็นจริง สาเหตุจากฝ่ายชายก็มีสัดส่วนที่สูงมากเช่นกัน ดังนั้น การตรวจสุขภาพของทั้งคู่จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษาที่ถูกต้อง


การเก็บรักษาเซลล์สืบพันธุ์: แผนสำรองสำหรับอนาคต

สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมมีบุตรในตอนนี้ แต่ก็กังวลเรื่องภาวะเจริญพันธุ์ในอนาคต การเก็บรักษาเซลล์สืบพันธุ์ เช่น การฝากไข่ (Egg Freezing) หรือการฝากอสุจิ (Sperm Freezing) ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากนะ เพราะมันช่วยยืดระยะเวลาในการมีบุตรออกไปได้ โดยที่คุณภาพของเซลล์สืบพันธุ์ยังคงดีอยู่ เหมือนเรามี "แผนสำรอง" ไว้เผื่ออนาคตนั่นแหละ


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยาก

Q1: หากพยายามมีบุตรมา 1 ปีแล้วยังไม่สำเร็จ ควรไปพบแพทย์หรือไม่?

อืม... ปกติแล้วทางการแพทย์จะแนะนำให้คู่รักที่อายุต่ำกว่า 35 ปี และพยายามมีบุตรอย่างสม่ำเสมอ (มีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยไม่คุมกำเนิด) เป็นเวลา 1 ปีแล้วยังไม่ตั้งครรภ์ ควรจะมาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุนะ แต่ถ้าคุณอายุ 35 ปีขึ้นไป หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น เคยมีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, ประจำเดือนมาไม่ปกติ, เคยผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน หรือฝ่ายชายมีประวัติมีบุตรยากมาก่อน ก็ควรจะมาพบแพทย์เร็วกว่านั้นได้เลย ไม่ต้องรอให้ครบ 1 ปีหรอกนะ เสียเวลาเปล่าๆ


Q2: การตรวจประเมินภาวะมีบุตรยากมีอะไรบ้าง?

ก็ต้องมีการตรวจเช็คกันหน่อยแหละ ถึงจะรู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน! สำหรับผู้หญิง การตรวจพื้นฐานก็จะมี การซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด, การตรวจอัลตราซาวด์เพื่อดูมดลูกและรังไข่, การตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตกไข่และประจำเดือน, การตรวจอัลตราซาวด์วัดขนาดฟองไข่ (Follicular Sonography), และอาจมีการตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การฉีดสีดูโพรงมดลูกและท่อนำไข่ (HSG) หรือการส่องกล้องตรวจในโพรงมดลูก (Hysteroscopy) ส่วนผู้ชาย ก็จะมีการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ (Semen Analysis) เพื่อดูจำนวน ความเคลื่อนไหว และรูปร่างของอสุจิเป็นหลัก ถ้าผลผิดปกติก็อาจจะมีการตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมน หรือตรวจทางพันธุกรรมเพิ่มเติมนะ


Q3: การปรับเปลี่ยนอาหารมีผลต่อภาวะเจริญพันธุ์มากน้อยแค่ไหน?

ก็มีผลพอสมควรเลยล่ะ! เพราะอาหารที่เรากินเข้าไปมันส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมและสมดุลฮอร์โมนในร่างกายโดยตรงนะ การทานอาหารที่สมดุล มีสารอาหารครบถ้วน เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยส่งเสริมคุณภาพของไข่และอสุจิได้ และยังช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนด้วย การลดปริมาณน้ำตาล แป้งขัดขาว ไขมันทรานส์ และอาหารแปรรูป ก็เป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะอาหารเหล่านี้อาจทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายและส่งผลเสียต่อภาวะเจริญพันธุ์ได้ แต่อย่าเพิ่งไปเชื่อโฆษณาที่บอกว่ากินอะไรแล้วจะท้องป่องทันทีนะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น การปรับอาหารเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพเท่านั้น


Q4: ผู้ชายควรหลีกเลี่ยงอะไรบ้างเพื่อสุขภาพอสุจิที่ดี?

โอ้โห คำถามนี้ดี! ผู้ชายก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกันแหละ! สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์หนักๆ เพราะมันทำลายคุณภาพอสุจิโดยตรงเลยนะ การอยู่ในที่ที่มีความร้อนสูงนานๆ เช่น การแช่น้ำร้อนบ่อยๆ การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ โดยไม่ลุก หรือการใส่กางเกงรัดรูป ก็ส่งผลต่อการผลิตอสุจิได้เหมือนกัน เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นมันไม่ดีต่อการสร้างอสุจิไงล่ะ นอกจากนี้ การรับประทานอาหารขยะ หรืออาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง ก็ควรลดลงด้วยนะ พยายามทานอาหารที่มีประโยชน์ ผัก ผลไม้ โปรตีนดีๆ จะดีกว่าเยอะเลย


Q5: ถ้ามีภาวะมีบุตรยาก ควรเลือกวิธีรักษาแบบไหน?

อันนี้มันก็ต้องแล้วแต่กรณีไปนะ ไม่ใช่ว่าใครก็รักษาแบบเดียวกันได้หมดหรอก! คุณหมอจะประเมินจากสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก อายุ สุขภาพโดยรวมของทั้งคู่ และความต้องการของแต่ละครอบครัวก่อน แล้วถึงจะแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดให้ ซึ่งอาจจะเริ่มจากการปรับไลฟ์สไตล์ก่อน ถ้ายังไม่ได้ผล ก็อาจจะพิจารณาการใช้ยาเพื่อกระตุ้นการตกไข่ หรือการทำหัตถการทางการแพทย์อื่นๆ เช่น IUI, IVF, ICSI ตามลำดับขั้นนะ บางทีมันก็ต้องลองผิดลองถูกกันบ้างแหละ แต่สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น อย่าไปเชื่อคำบอกเล่า หรือซื้อยามาลองใช้เองมั่วๆ เด็ดขาด!


แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

โรงพยาบาลบี.แคร์ เมดิเค็ลเซ็นเตอร์ - ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพการเจริญพันธุ์

เว็บไซต์นี้เป็นของโรงพยาบาลบี.แคร์ ซึ่งมีศูนย์ส่งเสริมสุขภาพการเจริญพันธุ์ที่ให้บริการปรึกษาและรักษาภาวะมีบุตรยากอย่างครบวงจร มีข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุ การวินิจฉัย และทางเลือกในการรักษาต่างๆ ที่เข้าใจง่าย พร้อมทั้งแนะนำทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

https://www.bcaremedical.com/service/fertility-center/


Samitivej Hospitals - Fertility Center

เว็บไซต์ของโรงพยาบาลสมิติเวช นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์การเจริญพันธุ์และการรักษาภาวะมีบุตรยาก มีบทความที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น IVF, IUI, ICSI รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของพ่อแม่ที่ส่งผลต่อการมีบุตร

https://www.samitivej.co.th/th/fertility-center




Preview Image
 

คู่มือเลือกโรงพยาบาลและคลินิกรักษามีบุตรยาก เทคโนโลยีและรีวิว

ค้นหาโรงพยาบาลและคลินิกรักษามีบุตรยากที่ดีที่สุด เรียนรู้หลักเกณฑ์การเลือก คำถามที่ควรถามแพทย์ และเปรียบเทียบเทคโนโลยีเพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด

รักษามีบุตรยาก, คลินิกรักษามีบุตรยาก, โรงพยาบาลมีบุตรยาก, ทำเด็กหลอดแก้ว, IVF, ICSI, เลือกคลินิกมีบุตรยาก

ที่มา: https://infertility.com-thai.com/